ภูมิปัญญาไทย.com

ภูมิปัญญาไทย

งานช่างฝีมือประดับมุก

   
    “งานช่างฝีมือประดับมุก”  เป็นศิลปหัตถกรรมชั้นสูงของไทยสร้างขึ้นด้วยฝีมืออันประณีตบรรจง  มีความงดงามวิจิตรพิสดารเป็นอย่างยิ่งจนเป็นที่ตื่นตาตื่นใจแก่ผู้พบเห็น  การทำลายประดับมุกกระทำจากการใช้เปลือกหอยทะเลชนิดหนึ่งมีเนื้อเงาแวววาวคือ  หอยมุก  หรือเปลือกหอยอูด  (หอยทะเลชนิดหนึ่ง)  ที่ชาวบ้านเรียกว่าหอยโข่งมุกมีเปลือกหนาเมื่อจะนำมาใช้งานจะต้องทำการตัดขัดแต่งให้ได้ขนาดความหนาที่พอเหมาะก่อนจะนำไปใช้งาน  โดยจะใช้เปลือกหอยมาฉลุเป็นชิ้นเล็ก  ๆ  ตามลวดลายที่เขียนไว้  แล้วทำการฉลุไปตามเส้นลาย  หลังจากนั้นนำลายมุกที่ฉลุไปติดลงบนแผ่นกระดาษลายต้นฉบับด้วยกาว  จนถึงใช้ยางรักชนิดแห้งเร็วลงทับ  ปล่อยไว้จนแห้งจึงลอกกระดาษที่เป็นแม่ลายออก  และขัดจนเห็นลายมุกขึ้นทั่ว  ซึ่ง  “งานช่างประดับมุก”  เป็นงานที่ทำโดยนายพิษณุ  แวกประยูร  มีถิ่นฐานอยู่ที่  ตำบลหนองรี  อำเภอเมืองชลบุรี  จังหวัดชลบุรี
    งานช่างประดับมุก  เป็นงานช่างฝีมือที่ถูกจัดอยู่ในงานประณีตศิลป์ มีศิลปลักษณะงดงามและใช้ความสามารถทางฝีมือที่ละเอียดอ่อนประณีตมากจนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง  เป็นที่น่าเสียดายว่า  ลายประดับมุกเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากในปัจจุบันนี้  แม้จะมีเหลืออยู่บ้างตามบานประตู  หน้าต่างวัดวาอารามแต่ก็มีสภาพไม่ดีนักเพราะขาดการดูแลเอาใจใส่รักษา  จึงทำให้ลวดลายของมุกที่ประดับไว้มีความคร่ำมัวหมองลงไปจนบางแห่งเลอะเลือนจนเกือบมองไม่เห็นลวดลาย   ทำให้คุณค่าและความงามในตัวงานช่างลดน้อยลงไป  อาจกล่าวได้ว่างานช่างประดับมุกเป็นงานช่างชั้นยอดเยี่ยมอีกชนิดหนึ่งที่จะหาชาติใดทำได้และเป็นงานฝีมือชั้นสูงที่มักนิยมใช้มาแต่โบราณกาลในของสูงของพระมหากษัตริย์  และสถานที่เคารพบูชาทางศาสนาเป็นส่วนใหญ่  เช่น  บานประตูหน้าต่าง  พระอุโบสถ  พระมณฑป  พระวิหาร  ฯลฯ  ตลอดจนเครื่องใช้ไม้สอยต่าง  ๆ  เป็นต้นว่า  ตู้พระมาลัย  ธรรมาสน์  ตะลุ่ม  พานแว่นฟ้า  ฝาบาตร  กล่องใส่หมากพลู  เป็นต้น
    การจัดเก็บข้อมูลครั้งนี้น่าจะนำไปใช้ประโยชน์เกี่ยวกับจัดทำฐานความรู้เรื่องงานช่างฝีมือพื้นบ้าน  หรือภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อเผยแพร่ให้กับหน่วยงานสถานศึกษาหรือผู้สนใจได้รับทราบถึงแบบอย่างและข้อมูลที่ถูกต้องในงานช่างฝีมือประดับมุก  เพราะเนื้อหาสาระดังกล่าวนับวันจะหาผู้ที่เข้ามาศึกษารวบรวมและจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบก็น้อยเต็มที  โดยเฉพาะการให้รายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนกรรมวิธีทำงานประดับมุกว่าทำอย่างไร  (Knowhow)  นับเป็นเรื่องที่มีคุณค่า  และประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง

    “งานช่างประดับมุก”  เป็นศิลปหัตถกรรมชั้นสูงของไทยที่สร้างขึ้นด้วยฝีมืออันประณีตบรรจงและกระทำกันมาแต่โบราณกาล  ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มสมัยใดแต่มีผลงานการใช้วิธีฝังมุกประดับลวดลายตกแต่งปูนปั้นที่เจดีย์ในสมัยทวารวดีและสมัยเชียงแสนด้วยมีการฝังมุกที่พระเนตรของพระพุทธรูป เรื่อยลงมาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา  ประเทศใกล้เคียงในแถบเอเชียตะวันออกได้แก่  จีน  ญี่ปุ่น  และเวียดนาม  ได้มีการนำมุกมาประดับคล้ายกับช่างไทย  อย่างจีน  ญี่ปุ่น  และเวียดนาม  ใช้วิธีฝังมุกลงไปในเนื้อไม้ที่ย้อมสีดำ  ส่วนเวียดนามมีการทำมุกสองวิธีคือ  ฝังลงไปในเนื้อไม้เหมือนจีนอย่างหนึ่ง  และตามพื้นเหมือนอย่างไทยก็มีบ้าง  กรณีของไทยจะใช้วิธีฝังมุกด้วยวิธีการตัดเป็นชิ้นเล็ก  ๆ  ประดับลงบนพื้นที่ตามลวดลายที่เขียนไว้  เสร็จแล้วใช้รักชนิดแห้งเทลงทับรักที่ลงพื้นไว้อีกครั้งและทิ้งไว้จนรักหมาดเหนียว  จึงเริ่มประดับมุกโดยนำแผ่นกระดาษที่มีมุกติดไว้กดลงบนรักให้ทั่ว  ปล่อยไว้จนรักแห้งแข็งตัวจึงลอกกระดาษที่เป็นแม่ลายออก  โดยใช้น้ำเช็ดให้เปียกแล้วจึงลอกออก  ถ้าลวดลายยังไม่เรียบร้อยจะต้องใช้หินกากเพชรค่อย  ๆ  ขัดกับน้ำขัดจนเห็นลายมุกขึ้นทั่ว  เมื่อผิวรักเรียบร้อยดีแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งสนิทจึงขึ้นวิธีขัดมัน
    วัตถุที่นำมาประดับมุกได้แก่เปลือกหอยทะเลที่มีประกายสีรุ้งมีความเงาแวววามเช่น  หอยนมสาว  หอยจอบ  หอยงวงช้าง  หอยสองฝา  หอยอูดเป็นต้น  มีลวดลายที่นำมาใช้จะคำนึงถึงภาชนะที่ใช้ในการตกแต่ง  และส่วนใหญ่จะนิยมลวดลายพวก  ลายกนก  ลายก้านขด  ลายกระจังเป็นต้น  แต่ถ้าหากวัสดุที่ประดับมุกมีพื้นที่เรียบมาก  ปรากฏตามหน้าต่างโบสถ์วิหาร  มักจะทำลวดลายเป็นเรื่องราวตามเรื่องรามเกียรติ์  พุทธประวัติ  ฯลฯ  แม้จะเป็นเพียงเรื่องราวบางตอนก็ตามแก่  ก็พอจะทำให้มองเห็นได้ว่าช่างมีความสามารถและมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งด้วยการนำเรื่องราวจากวรรณกรรมมาผสมผสานกับงานช่างที่เป็นประณีตศิลป์ได้เป็นอย่างดี
    งานช่างฝีมือประดับมุกของนายพิษณุ  แวกประยูร  ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำงานมาตั้งแต่ปี  พ.ศ.  ๒๕๑๑  จัดเป็นงานช่างที่มีฝีมือได้คุณภาพมากจนได้รับการยอมรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี  งานช่างลักษณะนี้จัดเป็นข้อมูลทั่วไปที่มีทำกันอยู่ทั่วไปยังพอจะหาข้อมูลและวิธีการประดับมุกอันเป็นลักษณะเฉพาะได้จากแหล่งอื่น  ๆ  อีกมาก

    “งานช่างฝีมือประดับมุก”  หรือ  “การประดับมุก”  เป็นศิลปะการตกแต่งที่มีความวิจิตรงดงามปรากฏอยู่บนบานประตูหน้าต่างของพระอุโบสถวิหารหรือพระบรมมหาราชวัง  รวมถึงบนภาชนะเครื่องใช้ของพระสงฆ์เช่น  ตู้  พระมาลัย  ธรรมาสน์  ตะลุ่ม  พานแว่นฟ้า  กล่องใส่หมากพลู  เป็นต้น  โดยมีลวดลายประดับตกแต่งจำพวกลายกนก  ลายกระจัง  และลายก้านขด หรือแม้แต่เขียนเป็นภาพกินรี  ราชสีห์  คชสีห์  ประกอบตามส่วนต่าง  ๆ  เป็นอาทิ  อนึ่งงานช่างนี้เป็นงานประณีต  มีความละเอียดอ่อนและใช้ฝีมือเป็นอย่างยิ่ง  จึงทำให้เป็นงานที่สิ้นเปลืองเวลาและมีราคาสูงตามไปด้วย    ดังนั้นงานช่างประดับมุกจึงไม่ค่อยมีผู้สนใจมาเรียนรู้มากนักจะมีก็แต่ช่างผู้มีใจรักจริง  ๆ  เท่านั้น  ปัจจุบันถึงแม้จะมีผู้เห็นคุณค่าได้ลงมือทำงานช่างประดับมุกอย่างจริงจังเป็นล่ำเป็นสัน  แต่ทว่าฝีมือไม่อาจเทียบเคียงกับผลงานในอดีตได้
    งานช่างประดับมุกถือว่าเป็นของใช้ชั้นสูง เพื่อเชิดชูความมีตำแหน่งฐานะ ที่ในอดีตจะใช้กันในแวดวงจำกัดของสถาบันกษัตริย์  ชนชั้นสูง  และหมู่สงฆ์ทั้งหลายเท่านั้น  จึงทำให้งานช่างประเภทนี้ไม่แพร่หลาย  อีกทั้งเป็นงานช่างที่ต้องอาศัยฝีมือความละเอียดรอบคอบความมุมานะพยายามเป็นอย่างสูง  เพราะว่าลวดลายต่าง  ๆ  ของลายประดับมุกมีความละเอียด ช่างประดับมุกต้องอาศัยความสามารถความชำนาญในการสร้างแม่ลายให้เข้ากับสีที่จะประดับมุก ไม่ว่าจะเป็นภาชนะหรือบนบานประตูหน้าต่างไปจนถึงโต๊ะเตียงก็ตาม  ยิ่งถ้าเป็นภาชนะมีเหลี่ยมมุมโค้งเว้าด้วยแล้วการสร้างลายและการประดับมุกไปตามส่วนนั้น  ๆ  ก็ยิ่งกระทำได้ยาก  อย่างไรเสียช่างไทยก็ได้สร้างศิลปหัตถกรรมหรือผลงานประณีตศิลป์ขั้นสูงได้มาก  มีหลักฐานปรากฏตามวัดวาอาราม  หรือในพระบรมมหาราชวังมากมาย  แต่เป็นที่น่าเสียดายที่งานช่างประดับมุก  ณ  สถานที่นั้นขาดการดูแลเอาใจใส่  ดูแลรักษาจึงทำให้ลวดลายของมุกที่ประดับไว้จากที่เคยแวววาวงดงามมาแต่อดีตดูคร่ำมัวลงไป  จนบางแห่งเลอะเลือนจนเกือบมองไม่เห็นลวดลายที่มีคุณค่าเหล่านั้น
    ในกรณีความสำคัญของช่างนั้นถือได้ว่างานประดับมุกเป็นงานช่างฝีมือชั้นสูงที่มีคุณค่า  มีความวิจิตรพิสดารและมีเอกลักษณ์ของตนเองจนเป็นที่ตื่นตาตื่นใจแก่ผู้พบเห็น  โดยเฉพาะกรรมวิธีการสร้างงานที่กว่าจะได้ในแต่ละขั้นตอนการทำงานของช่าง จะต้องมีความวิริยะอุตสาหะเป็นอย่างสูง  จนได้ผลงานประดับมุกที่เสร็จเรียบร้อยงดงาม สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้พบเห็น  ซึ่งไม่อาจหางานช่างประเภทอื่นเทียบเคียงได้


    “งานช่างฝีมือประดับมุก”  มีประวัติความเป็นมาอย่างไรยังไม่ทราบหลักฐานแน่ชัดเพราะไม่เคยมีหลักฐานหรือจารึกใด  ๆ  เลยว่าชนชาติไทยเริ่มคิดค้นประดิษฐ์งานมุกได้เมื่อใด หรือได้รับอิทธิพลจากชาติใด  อย่างเช่น  จีน  เวียดนาม  หรือญี่ปุ่น  ซึ่งก็มีการนำเปลือกหอยมุกมาใช้ประโยชน์ในงานศิลปกรรมเหมือนกับไทย  แต่วิธีการประดับและลวดลายนั้นแตกต่างจากไทยโดยสิ้นเชิง  อย่างไรก็ตาม จากหลักฐานทางโบราณคดีของการนำเปลือกหอยมาประดับตกแต่งเป็นลวดลายที่เก่าที่สุด  พบว่าสมัยทวารวดีมีการใช้มุกประดับเป็นลวดลายการตกแต่งอยู่บนปูนปั้นบนโบราณสถานที่ตำบลคูบัว  อำเภอเมืองราชบุรี  มีอายุประมาณศตวรรษที่  ๑๒  นับได้ว่าเป็นหลักฐานที่เก่าที่สุด  สมัยเชียงแสนลงมาก็มีการฝังมุกที่พระเนตรของพระพุทธรูปกระทั่งถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา  จึงพบงานช่างประดับมุกชนิดใช้รักเป็นตัวเชื่อมเช่นปัจจุบัน  มีหลักฐานเก่าแก่ที่สุดคือ  ตู้พระไตรปิฏกประดับมุกอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร  มีลวดลายกระหนกหางนาค  บานตู้ด้านซ้ายประดับเป็นภาพพระนารายณ์ทรงครุฑ  บานด้านขวาประดับเป็นภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ  พิจารณาตามลักษณะและลวดลายเป็นสมัยแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือประมาณ  พ.ศ.  ๒๒๔๖–๒๒๕๑  ส่วนที่จังหวัดชลบุรีมีการกระทำอย่างเป็นกิจลักษณะเมื่อประมาณ  พ.ศ.  ๒๕๒๐  ลงมานี้เอง  โดยมีนายพิษณุ  แวกประยูร  เป็นช่างที่ได้นำประสบการณ์มาจากการฝึกงานครั้งแรกที่เสาชิงช้าแล้วต่อมาได้ย้ายมาทำเป็นส่วนตัวที่ตำบลหนองรี  อำเภอเมืองชลบุรี
    การทำ  วิธีทำประดับมุกมีการดำเนินการอย่างไร    (Knowhow)     กรณีที่จังหวัดชลบุรีมีขั้นตอนการกระบวนการผลิตมี  ๒  ขั้นตอนคือ  ขั้นเตรียมการ  และขั้นดำเนินการ  และมีวัสดุที่ใช้ในการผลิตประกอบด้วย  เครื่องกรอ  เครื่องฉลุ  หินเจีย  กาว  กระดาษลอกลาย  และกระดาษทราย  โดยสามารถให้รายละเอียดขั้นตอนกระบวนการผลิต  (โต๊ะชุดรับแขกแบบมีลายฝัง)  ได้ดังนี้
    ขั้นเตรียมการ
    ๑.  เตรียมหุ่นคือการเตรียมภาชนะเครื่องใช้ที่จะนำมาประดับมุก ในการนี้จะเป็นโต๊ะชุดรับแขกแบบลายฝัง  นำมาขัดแต่งผิวให้เรียบร้อยพอสมควรด้วยกระดาษทราย  โดยเฉพาะส่วนที่เป็นมุมจะได้รับการขัดแต่งแบ่งส่วนพื้นที่ที่จะประดับลายให้มีขนาดใกล้เคียงกัน
    ๒.  เตรียมแบบลวดลายที่ต้องการให้เหมาะสมกับเครื่องใช้ที่จะประดับตกแต่ง  ซึ่งควรศึกษาลวดลายต่าง  ๆ  ให้มีความเข้าใจอย่างชัดเจน  และสามารถเลือกนำลายที่เหมาะสมมาใช้งานได้อย่างถูกต้องทั้งรูปแบบและตำแหน่ง  ประการสำคัญจะต้องมีความเข้าใจการออกแบบลายมุกซึ่งมีความแตกต่างจากลายประเภทอื่นคือตัวลายจะขาดเป็นตัว  ๆ  เพื่อสะดวกในการสร้างงาน  เนื่องจากเปลือกหอยมีความโค้งไม่สามารถวางลายลงบนพื้นเรียบได้ยาว  จึงต้องตัดตอนเป็นช่วงสั้น  ๆ  เพื่อให้ลวดลายต่อเนื่องกัน  หลังจากนั้นก็จัดเตรียมกระดาษลอกลายและกระดาษไขไว้ปรุลายลงกระดาษตามแบบที่ออกไว้
    ขั้นดำเนินการ
    ๑.  เขียนลายตามหุ่นโต๊ะลงบนกระดาษไขแล้วนำไปถ่ายเอกสารโดยเก็บไว้ใช้งาน  ๓-๔  ชุด  ชุดแรกเป็นแบบให้ตรวจดูสอบทานความเรียบร้อยในการประดับลาย  ชุดที่สองให้ติดลายผนึกลงบนผิวชิ้นมุกด้วยกาวน้ำเพื่อทำการโกรกฉลุลายต่อไป  ชุดที่สามใช้ประกอบการประดับลาย  โดยเมื่อฉลุและขัดแต่งลายเรียบร้อยแล้ว ให้นำลายแต่ละชิ้นผนึกลงบนแบบชุดนี้เพื่อป้องกันผังลายสูญหายและสะดวกในการประดับลายลงบนชิ้นงาน
    ๒.  นำมาตัดหรือโกรกฉลุลายมุก  โดยใช้เครื่องฉลุของช่างทองขัดแต่งตัวลายที่ฉลุแล้วด้วยตะไบขนาดเล็กและกระดาษทราย เพื่อให้ขอบลายหมดคมของเลื่อยและได้รูปร่างสวยงามตามแบบ  หลังจากนั้นจึงนำไปผนึกลายที่ขัดแต่งแล้วลงในแบบที่สามด้วยกาว  (กาวน้ำ)
    ๓. เสร็จแล้วนำลายที่ติดกับแผ่นรองแล้วจึงทารักน้ำลงบนผิวภาชนะที่จะประดับมุกเพื่อรองพื้นและเป็นตัวประสานให้ลายมุกติดสนิทกับผิวโต๊ะมากยิ่งขึ้น         เมื่อทารักแล้วต้องทิ้งให้แห้งสนิทหากมีร่องหรือรอยแตกจะต้องผสมรักสมุกอุดยาร่องให้เสมอผิวก่อน
    ๔.  ปรุลายลงบนกระดาษตามแบบที่ออกไว้แล้วทำการตบฝุ่นโรยลายเช่นเดียวกับการเขียนลายกระดานของช่างลายรดน้ำ  หลังจากนั้นลงมือประดับลายมุกตามแบบโรยฝุ่นที่ปรากฏบนผิวโต๊ะ  โดยลอกลายจากแบบชุดที่สามออกมาประดับทีละตัว ครั้งนี้ใช้ยางรักเป็นตัวเชื่อมแทนกาวน้ำ  เมื่อประดับเสร็จแล้วควรทิ้งไว้ให้แห้งสนิทก่อน
    ๕.  ก่อนลงรักสมุกจะต้องทายางรักลงเคลือบบนตัวลายและผิวโต๊ะนั้น  (ลงให้ทั่วโดยเฉพาะร่องระหว่างตัวลาย)  ต่อจากนั้นผสมรักกับสมุก  (สมุกคือผงถ่านบดละเอียดที่ได้จากการเผาใบตองแห้ง  บางทีต้องการให้แข็งมาก  ๆ  จะใช้กะลามะพร้าวเผาแทน)  ถมลงในร่องลายให้เต็มและถมทับให้ทั่วทั้งโต๊ะเสร็จแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง
    ๖.  เมื่อรักสมุกแห้งสนิทแล้วจึงทำการขัดแต่งด้วยกระดาษทรายอย่างหยาบก่อน แล้วตามด้วยกระดาษทรายละเอียดจนผิวเรียบเสมอกันจึงทิ้งไว้ให้แห้ง  ขั้นสุดท้ายทำการขัดมันเคลือบเงา
    อนึ่ง  ระยะเวลาในการทำงานแต่ละชิ้นจะใช้เวลามาก ด้วยเป็นงานที่ต้องใช้ความประณีต  ความละเอียดอ่อน  บางชิ้นต้องทำเป็นปีกว่าจะได้ชิ้นงานที่สมบูรณ์แบบ  จึงส่งผลให้งานช่างประดับมุกมีราคาแพง  ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแบบและลวดลายต่าง  ๆ  เป็นกรณี  ๆ  ไปด้วย  ปัจจุบันงานช่างประดับมุกของนายพิษณุ  แวกประยูร  ทำงานอยู่ที่  ๑๑/๓๒  หมู่ที่  ๒  ถนนเศรษฐกิจ  ซอย  ๑๒  ตำบลหนองรี  อำเภอเมืองชลบุรี  จังหวัดชลบุรี  โทรศัพท์  ๐๓๘–๗๙๙๐๑๔  ผลงานที่ทำเช่น  บานประตู  หน้าต่างโบสถ์  เฟอร์นิเจอร์ประดับบ้าน  โต๊ะ  ชุดรับแขก  โต๊ะหมู่บูชา  และเครื่องใช้ในงานพิธีสงฆ์ต่าง  ๆ  เป็นต้น


สรุปผลการวิเคราะห์

    “งานช่างฝีมือประดับมุก”   ที่ตำบลหนองรี   อำเภอเมืองชลบุรี   เมื่อพิจารณาวิเคราะห์ถึงภูมิหลังจะพบได้ว่า  ช่างที่นี่มีพื้นฐานความรู้เชิงช่างจากย่านเสาชิงช้า  กรุงเทพฯ  ด้วยนายพิษณุ  แวกประยูร  ได้เคยผ่านการฝึกการทำงานทำมุกที่นี่แล้วจึงนำประสบการณ์ที่ได้รับมาประกอบกิจการส่วนตัวที่เมืองชลบุรีอีกทอดหนึ่ง  ดังนั้นเมื่อพิจารณาผลงานประดับมุกในหลาย  ๆ  ชิ้น  ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีรูปแบบ  ลวดลาย  และกรรมวิธีทางช่างหลาย  ๆ  ด้านจะคล้ายคลึงกับช่างที่กรุงเทพฯไม่ว่าจะเป็นการทำบานประตูหน้าต่าง  เฟอร์นิเจอร์  โต๊ะหมู่บูชา  เป็นต้น  กรณีเรื่องของภูมิปัญญาเชิงช่างค่อนข้างมีวิธีการเป็นไปในแนวทางของช่างหลวงมากกว่าเช่น  การออกแบบลวดลาย  หรือขั้นตอนการดำเนินการในแต่ละส่วนเองก็ตาม  เป็นต้นว่าการทำหุ่น  โกรกฉลุลาย  ประดับลาย  ถมรักสมุก  จนถึงขัดแต่งผิว  โดยความสัมพันธ์ต่อเนื่องในแต่ละขั้นตอนต่างแสดงให้เห็นถึงองค์ความรู้ของงานช่างฝีมือประดับมุกได้เป็นอย่างดี
    อีกทั้งงานช่างประดับมุกเมื่อวิเคราะห์ตามลักษณะผลงานมีความยึดโยงกับประเพณีวัฒน-ธรรมและศาสนาเป็นอย่างมาก    ช่างจะต้องมีพื้นความรู้และเข้าใจเนื้อหาสาระเรื่องราวต่าง  ๆ  ก่อนจะนำมาออกแบบหรือประดิษฐ์ลวดลายอะไรต่าง   ๆ      ได้แก่เรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ  วรรณคดี  หรือกระทั่งสัตว์ในจินตนาการแบบไทย  เช่น  ราชสีห์  คชสีห์  กินรี  กินนร  ฯลฯ  ทั้งนี้เนื่องจากงานช่างประเภทนี้มักนิยมนำไปใช้ประกอบเครื่องราชูปโภคและหรือประเพณีในราชสำนัก  รวมถึงเป็นพุทธบูชาตามพระราชศรัทธาและพระราชประเพณีนิยมเป็นต้น  ดังนั้นช่างจึงไม่สามารถจะคิดทำอะไรออกนอกกรอบได้มากนัก เว้นแต่ผลงานที่ทำขึ้นเพื่อใช้สอยภายในครัวเรือนช่างอาจมีความคิดพลิกแพลงได้บ้างตามโอกาส  กรณีงานช่างประดับมุกเมื่อพิจารณาถึงลักษณะของข้อมูลจัดว่าเป็นข้อมูลทั่วไป มีการทำงานช่างประเภทนี้อยู่ทั่วไป  และมีการบันทึกถอดรหัสองค์ความรู้ในกรรมวิธีการทำงานอยู่เป็นระยะ  แม้ในสถาบันการศึกษาทางศิลปะก็มีการเปิดหลักสูตรให้นิสิตนักศึกษาได้ลงเรียนกันอยู่เช่น  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีรัตนโกสินทร์วิทยาเขตเพาะช่าง  วิทยาลัยในวัง  ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร  เป็นต้น

0 comments

Post a Comment