การผลิตและทำ “ระนาด”
ระนาด เป็นเครื่องดนตรีไทยสมัยโบราณชนิดหนึ่งที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ระนาดยังเป็นเครื่องดนตรีไทยที่มีความสำคัญในวงดนตรีไทย เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเพราะมีเสียงใสกังวาน มีลูกเล่นแพรวพราวในการบรรเลง ซึ่งผู้บรรเลงต้องทำการฝึกฝนอย่างดีจนเกิดการประกวดแข่งขันความเป็นเลิศ เรียกว่า “ประชัน” ซึ่งเครื่องดนตรีที่ใช้ก็มีส่วนช่วยในการประชันเช่นกัน จึงต้องทำเครื่องดนตรีให้มีเสียงใสก้องกังวาน เสียงไม่เพี้ยนก็ขึ้นอยู่กับฝีมือช่างผู้ผลิต
นายสมควร วารีนิล ชาวตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เป็นช่างฝีมือพื้นบ้าน ผู้ผลิตเครื่องดนตรีคือระนาด มาเป็นเวลานานกว่า ๒๕ ปี โดยได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากผู้เป็นบิดา ซึ่งก็ไม่ได้ทำเป็นอาชีพหลัก จะผลิตก็เท่าที่มีผู้สั่งเท่านั้น เป็นการผลิตด้วยมือและทำคนเดียวทุกขั้นตอน ซึ่งก็มีจำนวนไม่มากนักที่จะมีช่างฝีมือประเภทนี้ คือนอกจากผลิตได้เองทุกขั้นตอนแล้วยังมีความสามรถในการบรรเลงได้อย่างมืออาชีพอีกด้วยและยังหาทายาทผู้สืบทอดวิชาไม่ได้ จึงได้เก็บข้อมูลการทำระนาดของนายสมควร วารีนิล นี้ไว้เพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าต่อไป
ดนตรีเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่ให้ความงามซึ่งสัมผัสด้วยการได้ยิน ดนตรีเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์เริ่มมีความเจริญทางศิลปวัฒนธรรม แต่มนุษย์ก็ให้ความสำคัญกับดนตรีจะเห็นว่ามนุษย์ทุกชาติ ทุกภาษาใช้ดนตรีในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ แต่ละชาติจึงคิดประดิษฐ์เครื่องดนตรีที่แตกต่างกันออกไป
ระนาดเป็นเครื่องดนตรีไทยประเภทตี (เครื่องดนตรีไทยมี ๔ ประเภท คือ ดีด สี ตี เป่า) ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า ๓๐๐ ปี คือระนาดหิน พบว่าที่อำเภอท่าศาลาจังหวัดนครศรีธรรมราช ภายหลังได้พัฒนามาใช้ไม้ และคิดระนาดใหญ่โลหะเพิ่มเติมขึ้นมาอีก
เดิมระนาดผลิตจากไม้ไผ่ลำใหญ่มีเนื้อหนา เรียกว่าไผ่บง ซึ่งเป็นที่นิยมเพราะให้เสียงดังดี ภายหลังเปลี่ยนมาใช้ไม้แก่น เช่น มะหาด ชิงชัน พยุง เป็นต้น เพราะแข็งแรง ทนทาน สวยงาม แต่เสียงจะเล็กและเบากว่า ระนาดมี ๔ ชนิด
๑. ระนาดเอก เป็นระนาดดั้งเดิมที่พัฒนามาจากกรับหลายขนาดลดหลั่นกันมาร้อยเชือก เรียกว่าผืนระนาด มี ๒๑-๒๒ ลูก นำไปแขวนบนรางรูปโค้งเพื่อช่วยอุ้มเสียง
๒. ระนาดทุ้ม สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ เพื่อตีคู่กับระนาดเอก มี ๑๗-๑๘ ลูก แขวนบนรางที่ราบไปกับพื้น ลูกระนาดมีขนาดใหญ่จึงมีเสียงทุ้มกว่าระนาดเอก
๓. ระนาดเอกเหล็ก ประดิษฐ์ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ ลูกระนาดทำจากโลหะ แขวนบนรางสี่เหลี่ยม ลักษณะวิธีการบรรเลงเหมือนระนาดเอก
๔. ระนาดทุ้มเหล็ก สร้างเพิ่มเติมขึ้นอีกสมัยรัชกาลที่ ๔ ใช้บรรเลงคู่กับระนาดเอกเหล็ก
ภายหลังมีผู้พยายามคิดระนาดแก้ว ลูกระนาดทำจากแก้วใส แต่เสียงไม่ดี จึงไม่มีผู้นิยมและเลิกไปในที่สุด
นายสมควร วารีนิล ช่างฝีมือพื้นบ้านผู้ผลิตระนาดโดยไดไรับการถ่ายทอดความรู้มาจากบิดาที่เสียชีวิตไปแล้ว ระนาด ๑ ชุดใช้เวลาผลิต ๑-๒ เดือน เพราะทำด้วยฝีมือทุกขั้นตอนและทำเพียงคนเดียว ยากตั้งแต่การหาไม้ที่หายาก ต้องไม่มีตำหนิ เป็นไม้แก่นแท้ๆ การทำงานต้องประณีตทุกขั้นตอน การทำงานมี ๓ ส่วนใหญ่ๆ คือ รางระนาด ผืนระนาด ไม้ตีระนาด
รางระนาด ทำจากไม้กระบาก หนาหนึ่งนิ้วครึ่ง กว้าง ๑๒ นิ้ว ยาว ๑.๓๐ เมตร จำนวน ๒ แผ่น เลื่อยเป็นรูปโค้ง ขุดให้เป็นกระพุ้งเว้าทั้งข้าง ตัดหัวท้ายอีก ๔๕ องศา ปิดหัวท้ายด้วยโขนระนาด ทำจากไม้หนา ๕ หุน ก้าง ๑๐ นิ้ว ยาว ๑๘ นิ้ว เลื่อยเป็นรูปพุ่มข้าวบิณฑ์ ติดตะขอสำหรับแขวนผืนระนาดด้านละ ๒ ตัว ปิดใต้รางด้วยไม้อัดหนา ๑๐ มิลลิเมตร เสร็จแล้วติดเท้าระนาด(ฐานระนาด) ทำจากไม้หนา ๔ นิ้ว กว้าง ๘ นิ้ว เซาะให้มีขนาดเล็กลงเป็นชั้นๆ แล้วนำมาประกบกันเป็นรูปพานติดตรงกลางรางระนาดสำหรับเป็นฐานตั้ง
ผืนระนาด ทำจากไม้เนื้อแข็งหนาหนึ่งนิ้วครึ่ง กว้า ๕ เซนติเมตร ยาว ลูกต้น(ลูกทั่ง) ยาว ๔๐ เซนติเมตร ลูกยอดยาว ๓๐ เซนติเมตร จำนวน ๒๑-๒๒ ลูก แต่งด้านบนให้โค้งเล็กน้อย คว้านท้องลูกระนาดให้บาง เพื่อการสั่งสะเทือนที่ดี และเพื่อปรับแต่งให้ได้ระดับเสียงพอดี ถ้าเสียงผิดพลาดจะใช้ขี้ถ่วง(ตะกั่วผสมขี้ผึ้ง) รนไฟติดที่ใต้ลูกระนาดหัวและท้ายภายหลังจากนั้น เจาะรูหัวท้ายข้างละ ๒ ลูก สำหรับร้อยเชือก
ไม้ตีระนาด ด้ามทำด้วยไม้ไผ่ ยาว ๓๕ เซนติเมตร เหลาให้กลมขนาดพอเหมาะ ติดตะกั่วที่หัวพันด้วยผ้าและมัดด้วยเชือกด้าย เสร็จแล้วพันผ้าทากาวทับอีกครั้ง นำมาคลึงให้เรียบและกลม
ปัจจุบันช่างฝีมือการทำระนาดมีน้อยมาก นายสมควร วารีนิล เป็นหนึ่งในจำนวนนั้นที่ยังคงสืบสานงานช่างภูมิปัญญาไทยไว้ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ นายสมควร วารีนิล ยังไม่มีทายาทผู้สืบทอดวิชาช่างฝีมือการทำระนาดให้คงอยู่ต่อไปได้ ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่า นายสมควร วารีนิล จะเป็นคนสุดท้ายของตระกูลวารีนิลที่สืบทอดวิชาช่างแขนงนี้
ดนตรี เป็นสื่อกลางแห่งความเข้าใจของคนทุกชาติที่ได้สัมผัส เสียงดนตรีทำให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ความรู้สึกต่างได้ เป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจเบิกบานร่าเริง มนุษย์เรามีสมองที่ฉลาดล้ำลึกสามารถประดิษฐ์เครื่องมือที่ทำให้เกิดเสียงต่างๆได้(เครื่องดนตรี) อันได้แก่เสียง สูง กลาง เสียงต่ำ แล้วนำมาเรียบเรียงจนเกิดความไพเราะ มีอิทธิพลต่ออารมณ์ของมนุษย์อย่างมาก จะเห็นได้ว่าทุกชาติ ทุกภาษา ทุกเผ่าพันธุ์ มีดนตรีด้วยกันทั้งนั้น แต่สิ่งที่แตกต่างกันไปก็คือเครื่องดนตรีที่คิดขึ้น
เครื่องดนตรีเป็นแหล่งกำเนิดเสียงดนตรีที่มนุษย์คิดค้นขึ้น ดังนั้นในแต่ละชนชาติอาจมีความแตกต่างกันไปตามความคิด สภาพแวดล้อมและวัสดุที่มีอยู่ในชาตินั้นๆ เครื่องดนตรีมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่าเสียงดนตรีเพราะเครื่องดนตรีมีบทบาทในชีวิตมาก่อน ในลักษณะสื่อสาร สัญญาณต่างๆ เช่น ตีเกราะ เคาะไม้ เป่าปาก เป็นต้น
ดนตรี นอกจากจะให้ความเพลิดเพลินทางอารมณ์แล้วยังแสดงให้เห็นถึงความเจริญทางด้านศิลปะ วัฒนธรรมประจำชาติ เครื่องดนตรีรนอกจากจะเป็นแหล่งกำเนิดเสีนงที่มีความไพเราะแล้วยังเป็นศิลปะของแต่ละชาตีที่มีรูปร่าง สีสัน ลวดลายการผลิต ตลอดจนการบรรเลงที่เป็นเอกลักษณ์ของชาตินั้นๆ
ระนาดเป็นเครื่องดนตรีเก่าแก่ของคนไทย ซึ่งได้มีการพัฒนาปรับปรุงกันมาหลายยุคหลายสมัยจนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงวัสดุก็มี หรืออาจนำรูปแบบของประเทศเพื่อนบ้านมาใช้ แต่ระนาดไทยก็ยังคงเอกลักษณ์ของไทย ทั้งรูปแบบ วิธีการบรรเลงที่มีลูกเล่นเม็ดพรายที่ไม่มีชาติชาติใดในโลกเสมอเหมือน ทั้งนี้เครื่องดนตรีจึงมีส่วนสำคัญอันดับแรกที่ทำให้เสียงดนตรีออกมาไพเราะได้
ช่างผลิตเครื่องดนตรีเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักดนตรี ซึ่งน้อยคนที่จะมีผู้กล่าวถึง ทำให้ศิลปะสาขานี้ลดจำนวนน้อยลงคงเหลือไว้แต่ที่สืบทอดทางสายเลือด ลูกหลาน หรือเพื่อนบ้านที่ยังรักในภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างเช่นการทำระนาดของ นายสมควร วารีนิล ชาวตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ถ้ายังหาผู้สืบทอดไม่ได้ งานช่างฝีมือพื้นบ้านแขนงนี้อาจหายไปจากจังหวัดปราจีนก็เป็นได้
การผลิตและวิธีทำระนาด
งานช่างฝีมือพื้นบ้านด้านเครื่องดนตรีไทย เรื่อง การผลิตและวิธีทำ “ระนาด” จังหวัดปราจีนบุรี เป็นงานช่างฝีมือที่ได้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ และปัจจุบันยังไม่มีผู้ใดสืบทอด เพราะผลงานที่ผลิตขึ้นต้องรอให้ลูกค้าที่ต้องการมาสั่ง จึงจะผลิต และหาซื้อวัตถุดิบ ยังเป็นอาชีพไม่ได้เพราะรายได้ไม่แน่นอน และระยะการผลิต ๑ ชุด ใช้เวลาประมาณ ๑-๒ เดือน (หากมีวัสดุครบ)
ผู้ถ่ายทอด คือ นายคู วารีนิล ปัจจุบันไม่มีชีวิตแล้ว ผู้รับการถ่ายทอด คือ นายสมควร วารีนิล ได้รับการถ่ายทอดประมาณ ๒๕ ปี ปัจจุบันเป็นเจ้าของผลงาน ระนาดเอก และระนาดทุ้ม
ชื่อช่าง นายสมควร วารีนิล
เกิดวันที่ - เดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖
กลุ่มช่าง ไม่มี
ที่อยู่ บ้านเลขที่ ๓๗๒/๒ ถนนแก้วพิจิตร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี
โทรศัพท์ ๐-๓๗๒๑-๔๒๙๐
วัสดุที่ใช้ในการผลิต
๑ ลูกระนาด เป็นตัวกำเนิดเสียง สมัยก่อนทำด้วยไม้ไผ่ที่เรียกว่า ไผ่บงหรือไผ่ตง ต่อมานำเอาแก่นไม้ เช่น ไม้ชิงชัน ไม้มะหาด ไม้พยุง เหลาและตกแต่งให้ได้ขนาดพอเหมาะ จำนวน ๒๑ – ๒๒ ชิ้น
๒ ไม้ตีระนาด ไม้ตีระนาดมี ๒ ลักษณะ คือ ไม้แข็ง หรือไม้นวม ไม้แข็งมีเสียงดังแข็งกร้าว ซึ่งมักพันด้วยผ้าแล้วลงรักทับให้แข็ง ส่วนไม้นวม มีลักษณะอ่อนนุ่ม ซึ่งพันด้วยผ้า เสียงที่ได้จะนุ่มนวล
๓ รางระนาด นิยมทำด้วยไม้เนื้ออ่อนกว่าไม้ลูกระนาด เช่น ไม้กะบาก เพื่อความสวยงาม
๔ ลูกถ่วง (ขี้ถ่วง) คือ สิ่งที่นำมาติดกับส่วนล่างของลูกระนาด เพื่อให้มีเสียงสูงต่ำตามต้องการ
คำนิยามศัพท์ย่อย
๑ ผืนระนาด คือ ส่วนที่เป็นลูกระนาดทั้งหมด จำนวน ๒๑ – ๒๒ ลูก ร้อยติดกันด้วยเชือกเป็นฝืนระนาด
๒ ลูกระนาด คือ ไม้ที่ตัดเป็นท่อนกว้างประมาณ ๒ นิ้ว ยาว ๑๖ นิ้ว หนา ๐.๕ นิ้ว
๓ ลูกต้น คือ ลูกระนาดลูกแรกของผืน เป็นลูกที่ยาวและใหญ่ที่สุด มีเสียงต่ำที่สุด
๔ ลูกยอด คือ ลูกระนาดที่มีเสียงสูงที่สุด เป็นลูกที่มีขนาดเล็กที่สุดและอยู่ท้ายสุดของผืนระนาด ยาวประมาณ ๑๒ นิ้ว กว้าง ๑.๖ นิ้ว หนา ๑ นิ้ว
๕ รางระนาด คือ ส่วนที่รองรับผืนระนาด มีลักษณะทำเป็นรางโค้ง เพื่ออุ้มเสียงจากผืนระนาด
๖ ไม้ตี คือ ส่วนที่ใช้สำหรับตีลูกระนาด มี ๒ อัน
๗ เจียน หมายถึง การทำไม้ให้เป็นลูกระนาด
๘ ลูกถ่วง คือ สิ่งที่นำมาติดกับส่วนล่างของลูกระนาด เพื่อให้มีเสียงสูงต่ำตามต้องการ
๙ โขน คือ ส่วนที่ปิดหัวท้ายของรางระนาด
๑๐ เท้าหรือฐาน คือ ส่วนที่รองรับรางระนาด
แหล่งที่มาของวัสดุ
หาไม้ต่างๆ ได้ในท้องถิ่น ในจังหวัดปราจีนบุรี
เครื่องมือที่ใช้ในการผลิต
๑ สว่านเจาะไม้ (แบบเครื่อง และแบบใช้มือ)
๒ กบไสไม้ (แบบเครื่อง และแบบใช้มือ)
๓ เครื่องตัดไม้
๔ เลื่อยหลายชนิด
๕ สิ่ว , ฆ้อน และเชือก
๖ สี และน้ำมันขัดเงาต่างๆ
ขั้นตอนกระบวนการผลิตและวิธีทำ
ขั้นที่ ๑ การทำรางระนาด
นำแผ่นไม้หนา ๑ นิ้วครึ่ง กว้าง ๑๒ นิ้ว ยาว ๑.๓๐ เมตร. เหมือนกันจำนวน ๒ แผ่น ใช้ดินสอวาดตามความโค้งของรูปไม้กระสวนแล้วไปเลื่อยออกด้วยเลื่อยมือ ให้ได้รูปโค้งของรางระนาด ใช้เลื่อยตัดรูปโค้งตามรอยเส้นที่วาดไว้ ส่วนหัวกับท้ายตัดเอียง ประมาณ ๔๕ องศา เมื่อเสร็จแล้วนำไปแต่งให้กระพุ้งด้านในเว้าออกโดยวิธีขุดท้องของระนาดโดยใช้กบไฟฟ้าค่อยๆ ไสเนื้อไม้ออกทีละน้อย เมื่อทำกระพุ้งเว้าเสร็จแล้ว นำไม้อัดหนา ๑๐ ม.ม. แปะใต้รางระนาดดัดให้ได้ตามความโค้งของรางระนาด เพื่อทำเป็นท้องระนาด
ขั้นที่ ๒ การทำโขนระนาด
แผ่นไม้ที่จะนำมาทำโขนระนาดมีความกว้างประมาณ ๑๐ นิ้ว ยาว ๑๘ นิ้ว และหนาประมาณ ๕ หุน จำนวน ๒ แผ่น นำมาไสด้วย กบไสไม้ ให้เรียบเสมอกันแล้วนำแบบพิมพ์ รูปโขนระนาดมาวางทาบบนแผ่นไม้ใช้ดินสอขีดเส้นตามแบบพิมพ์รูปโขนระนาด และนำไปเลื่อยตามรอยเส้นดินสอ เมื่อเสร็จใช้กระดาษทรายขัดให้เรียบใช้สิ่วตอก ลบเหลี่ยมตามขอบ นำไปประกอบเข้ากับรางระนาดส่วนหัวและท้ายเหมือนกันทั้งสองด้าน
ขั้นที่ ๓ การทำฐานระนาด (เท้าระนาด)
ใช้ไม้หนา ๔ นิ้ว กว้าง ๘ นิ้ว วาดลายฐาน จำนวน ๒ แผ่น แผ่นแรกเป็น รูปสี่เหลี่ยม นำไม้แผ่นแรกมาถากออกทั้ง ๔ ด้าน โดยใช้สิ่วถากจากด้านบนให้เล็กชันลงไปหาด้านล่างให้ด้านล่างมีขนาดเท่าเดิม ต่อจากนั้นใช้สิ่วเล็กขุดเนื้อไม้ออก แผ่นที่สอง ใช้สิ่วแต่ง ให้ลักษณะเหมือนไม้แผ่นแรกแต่ต้องให้ด้านล่างมีฐานเล็กกว่าด้านบน และให้ด้านล่างของไม้ชิ้น ที่สองมีขนาดเท่ากัน เมื่อเสร็จแล้วนำไปติดที่ใต้ท้องกึ่งกลางของรางระนาด ใช้ตะปูตอกยึดเพื่อ ไม่หลุด
ขั้นที่ ๔ การเหลาลูกระนาด
ใช้ไม้เนื้อแข็งหนา ๑ ½ นิ้ว ใช้ดินสอขีดเส้นกว้าง ๕ ซม. ยาว ๔๐ ซม. ลูกต้น และส่วนลูกท้ายกว้าง ๕ ซม. ยาว ๓๐ ซม. ใช้เลื่อยผ่าตรงเส้นที่ขีดไว้ ตัดเป็นท่อน จำนวน ๒๑ – ๒๒ ลูก
การไสข้างลูกระนาด ต้องเริ่มไสด้านข้างให้เรียบและได้ระดับเท่ากันทั้งสองข้าง วิธีการไส ต้องตีเส้นบนลูกระนาดทั้งสองข้างแล้วใช้กบไฟฟ้าไสเนื้อให้เรียบ และใช้กบมือไสต่อจนถึงแนวเส้นที่ตีไว้และนำไม้บรรทัดปรอทมาจับเพื่อเกิดความเที่ยงตรง
การปาดและตัดหัวท้ายของลูกระนาด ให้ตัดเกลาหัวและท้ายของลูกระนาดให้มีความยาว คือ ลูกทั่งหรือลูกที่มีเสียงต่ำสุดให้ยาวประมาณ ๑๖ – ๑๗ นิ้ว ส่วนลูกยอดหรือลูกที่มีเสียงสูงสุดให้ยาวประมาณ ๑๑ – ๑๒ นิ้ว
ขั้นที่ ๕ การคว้านพื้นท้องของลูกระนาด
การคว้านพื้นท้องของลูกระนาด คือ การบากหรือการคว้านพื้นท้องลูกระนาดตรงกลางลูก เพื่อปรับแต่งเสียงให้ได้ระดับตามความต้องการ
วิธีคว้านพื้นท้องลูกระนาด ใช้สิ่วถากเนื้อไม้ออก ใช้กระดาษทรายขัดให้เรียบ
ขั้นที่ ๖ การเจาะรูสำหรับร้อยเชือก
การที่จะเจาะรูลูกระนาดเพื่อร้อยเชือกติดกันให้เป็นผืนระนาด จะต้องวัดขนาดของลูกทั่ง และลูกยอดโดยใช้ไม้บรรทัดตีเส้นแนวสำหรับเจาะรู ตั้งแต่ลูกยอดทั้งสองข้าง และวัดความกว้างของลูกระนาดตรงแนวเส้นที่ขีดไว้ทุกลูก ใช้ดินสอจุดตรงที่เจาะรูไว้บนเส้นที่ตีให้ห่างจากด้านข้างทั้งสองข้างมาหารูที่จะเจาะข้างละ ๑ ส่วน
การเจาะรูในครั้งแรกจะใช้สว่านเล็กเจาะรู ไม่ต้องเจาะให้พอดีกับเชือกเพราะจะทำให้ผิวไม้แตก และเป็นขุย โดยเจาะด้วยสว่านเล็กนำก่อน
ขั้นที่ ๗ ร้อยเชือกผืนระนาด
ผืนระนาด เป็นส่วนสำคัญที่สุดของระนาด เพราะเป็นส่วนที่ทำให้เกิดเสียงดนตรีอันไพเราะ เสียงของระนาดจะไพเราะน่าฟัง ขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้บรรเลง
ผืนระนาด คือลูกระนาดหลายๆ ลูกที่นำมาเจาะรูร้อยเชือกเรียงติดกันในแนวนอนโดยหันส่วนโค้งของผิวลูกระนาดขึ้นด้านบนและเรียกลูกระนาดที่ร้อยเชือกติดกันเหล่านี้ว่า ผืนระนาด โดยทั่วไปผืนระนาดจะมีลูกระนาดจำนวน ๒๑ ลูก บางครั้งก็ใช้ ๒๒ ลูกแล้วแต่ความนิยม
ขั้นที่ ๘ การติดขี้ถ่วงหรือลูกถ่วง
ติดขี้ถ่วงหรือลูกถ่วงใต้ท้องลูกระนาด นำขี้ถ่วงปั้นเป็นก้อนกลมแบน ลนไฟให้ร้อน เพื่อติดที่ไม้ลูกระนาด บริเวณใต้ท้องทั้งสองข้างขนาดเท่ากัน เพื่อถ่วงเสียงให้ได้เสียงตามตัวโน๊ตที่ต้องการ
ขั้นที่ ๙ การทำไม้ระนาด ไม้แข็งและไม้นวม
เมื่อเลือกไม้ได้ตามความต้องการแล้ว นำมาผ่าและปรับแต่งให้เป็นท่อนขนาดพอเหมาะเหลาให้มีขนาดประมาณ ๓๕ เซนติเมตร
๑. นำตะกั่วมาติดบนหัวไม้ที่เหลาได้ขนาดและน้ำหนัก
๒. ใช้ผ้าเนื้อหยาบพันรอบหัวไม้ประมาณ ๔ รอบ ถ้าต้องการให้หัวไม้แข็ง
ควรพันผ้าน้อยกว่า ๔ รอบ ใช้กาวลาเท็กซ์ทาริมผ้า
๑. นำเส้นด้ายมาพันเหมือนตาข่าย ๑ รอบ
๒. เพิ่มความกว้างของผ้าแล้วพันหนึ่งรอบ
๓. ติดตะกั่วบนด้านในและด้านนอกของหัวไม้
๔. เมื่อพันผ้าและพันด้ายครบตามจำนวนตัดผ้าสีเป็นวงกลมติดด้านบนและด้านล่างของหัวไม้และพันด้ายอีกรอบ
๕. ตัดผ้าขาวและพับริมทั้งสองข้างวัดให้มีขนาดเท่าหัวไม้ระนาด
ทาด้วยกาวลาเท็กซ์
๖. นำมาคลึงกับพื้นที่เรียบ เพื่อให้หัวไม้ที่ทำเสร็จแล้วเรียบเท่ากันทุกส่วน
สรุปผลการวิเคราะห์
เสียงดนตรี เป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่มีความละเอียดอ่อนสามารถเข้าถึงอารมณ์และจิตใจของมนุษย์ จึงมีการคิดค้นแหล่งกำเนิดเสียงชนิดต่างๆไว้มากมายตามสภาพแวดล้อมภูมิประเทศยาวนานหลายพันปีและพัฒนาสืบทอดกันเรื่อยมา เครื่องดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดคือประเภทเครื่องตี มนุษย์ย่อมคิดสิ่งที่ง่ายและใกล้ตัวได้ก่อน การปรบมือ การเคาะให้เกิดเสียงก็ถือว่าง่ายและใกล้ตัวมากที่สุด
ระนาด ถือเป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่ชนิดหนึ่งของไทย มีต้นกำเนิดมาจากระนาดหิน พบที่แหล่งโบราณคดีริมฝั่งคลองกลาย หมู่ที่ ๗ ตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช อายุประมาณ ๓,๐๐๐ ปี มีลักษณะเป็นขวานหินยาว
ระนาด วิวัฒนาการมาจากกรับหรือเกราะ ที่เคาะเป็นจังหวะได้เสียงเดียว เมื่อทำให้มีขนาดลดหลั่นกันเกิดเป็นเสียงหลายเสียง เพิ่มความไพเราะและสนุกสนานมากขึ้น จึงนำมาร้อยต่อกันเป็นผืน ส่วนที่เรียกว่าระนาดอาจมาจากคำว่า ราด ซึ่งหมายถึงเอียง คล้ายกับคำว่า ราบ คือเรียบสม่ำเสมอหรือเรียกว่าระนาบ ส่วนราด จึงเรียกว่า ระนาด พื้นผิวของระนาดที่ลักษณะเป็นคลื่นยังมีผู้นำไปเปรียบเทียบสิ่งที่พื้นไม่เรียบว่าเหมือนลูกระนาด นั่นหมายความว่า ระนาด มีประวัติที่ยาวนานและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
รูปร่างของระนาดมีลักษณะคล้ายเรือโบราณ ผืนระนาดเดิมนิยมทำมาจากไม้ไผ่บง ซึ่งมีลำใหญ่เนื้อหนา นำมาตัดและถากเนื้อไม้นำมาตัดและถากเนื้อไม้ตรงกลางออกเพื่อเป็นการแต่งเสียงสูง-ต่ำ และการมีเนื้อไม้ตรงกลางบางลงจะช่วยให้สั่นสะเทือนได้ดีมีเสียงดังมากขึ้น รวมถึงการไปติดขี้ถ่วงที่ทำจากตะกั่วผสมกับขี้ผึ้ง ติดที่ใต้ลูกระนาดหัว-ท้าย เพื่อปรับตั้งเสียงให้ได้ระดับ และยังช่วยในการสั่นสะเทือนด้วยเช่นกัน ผงตะกั่วเป็นโลหะที่มีน้ำหนักแต่เนื้อนุ่มไม่สามารถยึดติดกับไม้ได้จึงนำมาผสมกับขี้ผึ้งซึ่งมีคุณสมบัติเหนียวเมื่อถูกความร้อนจึงสามารถยึดเกาะติดกับไม้ได้นี่เป็นภูมิปัญญาไทย เมื่อนำผืนระนาดมาแขวนตีบนรางไม้ที่เตรียมไว้ รางไม้จะช่วยอุ้มเสียง ทำให้ดังก้องกันวานมากขึ้น เครื่องดนตรีไทยเกือบทุกชนิดไม่มีอุปกรณ์ช่วยขยายเสียงแต่จะใช้วิธีการทำโพรงช่วยสะท้อนให้เสียงดังมากขึ้น วิธีทำรางระนาดในสมัยโบราณใช้วิธีการนำต้นไม้ทั้งต้นมาขุดเป็นรางเหมือนการขุดทำเรือในสมัยโบราณโบราณ แต่ทำให้มีขนาดพอดีกับผืนระนาด หัวกับท้ายเหมือนหัวเรือมาดที่เชิดขึ้นใช้สำหรับแขวนฝืนระนาด ตรงกลางที่ป่องออกยิ่งช่วยให้อุ้มเสียงได้มากทำให้เสียงดังมากขึ้น ปัจจุบันถึงจะใช้วิธีการนำไม้เป็นแผ่นมาประกบกันเป็นรางก็ยังคงรูปลักษณ์เดิมไว้ และใช้วิธีการถากแผ่นไม้ทั้งสองข้างให้ตรงกลางป่องออกและใช้ไม้ปิดหัวท้าย เรียกว่าโขนระนาด ทำเป็นรูปทรงลายไทยพุ่มข้าวบิณฑ์ จึงทำให้ระนาดมีรูปร่างคล้ายเรือโบราณ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นองค์ความรู้และภูมิปัญญาของช่างฝีมือคนไทยในการคิดและประดิษฐ์เครื่องดนตรีไทย นายสมควร วารีนิล ช่างฝีมือผู้เป็นทายาทสืบทอดการทำระนาดไทยมาจากผู้เป็นบิดา ด้วยข้อจำกัดทางรูปร่าง ลักษณะ หลักการ วิธีการเฉพาะอย่างของเครื่องดนตรีไทยที่เป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว นายสมควร วารีนิล จึงเป็นเพียงช่างฝีมือผู้ผลิตเพื่อให้ผลงานออกมามีคุณภาพเท่านั้น โดยใช้ความชำนาญทางช่างไม้ประสานกับความรู้ความสามารถในเรื่องดนตรี มาช่วยแก้ปัญหาในการผลิตซึ่งนายสมควร วารีนิล ก็สามารถทำได้เป็นอย่างดี ในปัจจุบันมีโรงงานผลิตเครื่องดนตรีที่มีเครื่องมือในการผลิตที่ทันสมัยผลิตได้รวดเร็วและมีความสวยงามแต่จะหาช่างฝีมือพื้นบ้านที่สามารถผลิตด้วยมือทุกขั้นตอนและยังมีความสามารถในการบรรเลงคงไม่ง่ายนัก ฉะนั้นข้อมูลในการผลิตเครื่องดนตรีระนาดของ นายสมควร วารีนิล จึงจัดอยู่ในรูปแบบข้อมูลทั่วไปที่ควรเก็บไว้ศึกษาค้นคว้าต่อไป
0 comments